วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เรื่องคนใช้รถมักเข้าใจผิด

"สตาร์ทรถแล้วออกรถได้เลย"
     รู้ไหมครับว่า เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยัง "เย็น" อยู่  เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้าหรือติดเครื่องยนต์เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้าน ไอของน้ำมันเบนซิน หรือดีเซลก็ตามแต่ที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียงพอ สามารถสร้างความสึกหรอในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ แถมยังมีผลทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วยนะครับ

"รถใหม่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรันอินแล้ว"
     รู้ไหมครับว่า เศษโลหะที่เกิดจากกระบวณการผลิตมักตกค้างในรถรุ่นใหม่ๆ ถึงจะมีการควบคุมคุณภาพอย่างดีก็เหอะ  การรันอินและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักครั้งก่อน จะทำให้เศษโลหะที่ตกค้างอยู่ในระบบจะได้ถูกชะล้างออกไป การรันอินนั้นเพียงแค่โดยในช่วง 1,000 กม. แรก ไม่เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรงหรือใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงๆ ไม่เกิน 3,000 rpm. ได้ยิ่งดีและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด ก็แค่นั้นเองครับ คงไม่ยากเกินไปนักสำหรับคนขับอย่างเราๆท่านๆ

"ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอด เพื่อให้ใบปัดทนทานขึ้น"
     รู้ไหมครับว่า สปริงคือส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยที่มีใบปัดแผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจก ซึ่งปกติแล้วจะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 1 ปี หากใช้นานมากไปเนื้อยางจะแข็งตัว ซึ่งไม่ว่าจะยกหรือไม่ก็ไม่แตกต่างกันเลย แต่ถ้าหากมีการยกก้าน แน่นอนว่าสปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลา ยิ่งในสภาวะที่ความร้อนสูง จะเกิดความล้าในสปริงสูงมาก ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง แถมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด

"รถติดไฟแดงค้างเกียร์ D ไว้"
     รู้ไหมครับว่า ในขณะที่รถหยุดนิ่ง เครื่องยนต์จะพยายามสร้างแรงบิดให้สูงที่สุดเพื่อทำให้รถสามารถออกตัวได้อย่างฉับไว การที่เราไปรั้งให้เครื่องยนต์อยู่กับที่นานๆ โดยไม่มีการปล่อยให้เครื่องเดินอย่างอิสระ มักจะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น ยิ่งในกรณีที่ติดไฟแดงแล้วเกิดพลาดปล่อยเบรกให้รถชนท้ายคันหน้าแล้วล่ะก็ เสียหายหลายบาทแน่นอน

"เดินทางไกลลมยางอ่อนดีกว่าแข็ง"
     รู้ไหมครับว่า ยางรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นของค่ายไหนก็ตาม  จะแนะนำว่าควรเติมลมยางตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2- 3 ปอนด์ เมื่อต้องเดินทางไกล ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้ว ยังอาจส่งผลกับโครงสร้างยางและมีโอกาสทำให้เกิด "ยางระเบิด" ได้ ฉนั้นถ้ามีเวลาก็หมั่นเช็คลมยางรถนะครับ

"ฝนตกใส่ขับ 4 ล้อเกาะกว่า...2 ล้อ"
     รู้ไหมครับว่า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นมีไว้เพื่อกระจายแรงบิดให้ไปแต่ละล้ออย่างละเท่าๆกัน ซึ่งส่งผลให้การขับขี่ดีขึ้น สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ดังนั้นคนทั่วๆไปจึงมักจะคิดว่า ฝนตกก็ขับแบบ 4 ล้อสิจะได้เกาะถนน ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ว่าจะระบบไหนก็ตาม การขับขี่ช่วงฝนตกต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว ผมแนะนำว่า แทนที่จะขับ 4 ล้อ เปลี่ยนเป็นลดความเร็วลง จะได้มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น

"ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ"
     รู้ไหมครับว่า 70% ของศูนย์ตั้งถ่วงยาง มักคิดแบบนี้ ทั้งที่ความเป็นจริง ไม่ว่าจะล้อไหนๆของรถก็มีความสำคัญทั้งนั้น ดังนั้น ถ้ามีเวลา+มีเงิน ก็ควรตั้งให้ควรทั้ง 4 ล้อเลย แล้วอย่าลืมถ่วงยางให้ครบทุกล้อด้วยนะครับ

"ต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเวลาข้ามแยก"
    รู้ไหมครับว่า อุบัติเหตุทางรถยนต์เกือบ 10 เปอร์เซนต์ระบุว่า เกิดจากการที่เวลาข้ามแยกแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะเวลาเปิดไฟฉุกเฉิน หากมองมาจากด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว ก็จะนึกว่า รถกำลังเลี้ยว ทำให้การคาดคะเนทิศทางของรถผิด เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

"ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน"
    รู้ไหมครับว่า เวลาหมอกลงจัดๆหรือฝนตกหนักๆ แล้วทัศนวิสัยไม่ดี การใช้ไฟฉุกเฉินอาจทำให้คนขับตามหลังสับสนได้ว่า รถกำลังจอดเสีย หรือกำลังขับอยู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือ หยุดรถโดยตีไฟเลี้ยวไว้ หรือจอดในที่ๆสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลพอสมควร หากจำเป็นต้องขับรถต่อ ให้พยายามใช้ความเร็วต่ำและเปิดไฟตัดหมอก เพื่อให้เราสามารถมองเห็นทางได้ แต่ถ้ามองไม่เห็นอะไรเลยในระยะ 15 เมตร ควรจอดดีกว่า เพราะยิ่งขับไป ยิ่งอันตราย

"ผ้าเบรคแข็ง หรือ ผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี"
     รู้ไหมครับว่า "ผ้าเบรค" จำเป็นต้องมีความแข็งและความอ่อนอยู่ ซึ่งโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถมากกว่า ผ้าเบรกที่ดี จึงเป็นต้องทนความร้อนได้สูงๆ เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลงไป ส่วนจะใช้ยี่ห้ออะไรนั้น ต้องลองศึกษาดูเองครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น