วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกวิธี

การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกวิธี ไม่ใช่สิ่งที่ยุ่งยากอะไร หากแต่เป็นการทำให้เป็นนิสัยเพื่อถนอมรถ ถนอมอุปกรณ์หลายๆอย่าง เราสามารถทำได้ ซึ่งอันนี้ผมถือปฏิบัติเป็นประจำเสมอๆครับ.... โดย

1. ปลดเกียร์ว่าง เหยียบคลัตช์ให้สุด เพื่อเป็นการตัดภาระที่เครื่องยนต์จะส่งไปที่ชุดคลัตช์ ชุดเกียร์ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง ก็ตาม เพราะอย่างน้อย ลูกปืนชุดคลัตช์เป็นตัวแรกที่รับภาระแรงบิดจากเครื่องยนต์ในจังหวะเริ่มหมุนทำให้ยืดอายุการใช้งาน และเป็นการ Safety ด้วยเพราะอาจเกิดอาการ ปลอกเลื่อนเกียร์ค้าง หรือชุดคลัตช์มีปัญหาไม่ยอมจาก ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยคัน แต่หากเกิดขึ้นแล้ว อันตรายครับ (เบรคมือเอาแรงบิดของเจ้าโก้ไม่ค่อยอยู่นะครับ....)

2. ปิดอุปกรณ์ตัวอื่น หากเปิดค้างไว้ เช่น แอร์ วิทยุ ไฟหน้า ไฟส่องสว่างต่างๆ เพื่อถนอมแบตเตอรี่ คอมฯแอร์ ชุดรีเลย์ไฟฟ้าต่างๆ เพราะเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เราต้องการกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้ในการสตาร์ทเต็มที่ หากแบตฯยังดีอยู่ก็ยังไม่เท่าไร แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้นานๆเข้า แบตฯก็จะเสื่อมเร็วครับ.... ส่วนคอมแอร์นี่ก็ตัวสำคัญครับ หากเราไม่ปิดแอร์ คลัตช์คอมแอร์ยังจับอยู่ จะไปเพิ่มภาระให้เครื่องยนต์ในตอนสตาร์ท และ คลัตช์ของคอมแอร์ ลูกปืนต่างๆก็จะไปไวเช่นกันครับ....

3. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON ดูแผงหน้าปัทม์ รอให้ไฟ Check Engine ซึ่งจะติดสักครู่แล้วดับ แสดงว่ากล่อง ECU ได้พร้อมทำงานเป็นปกติ หากไฟไม่ดับแสดงว่ามีระบบบางอย่างผิดพลาดอยู่ และหากเป็นรถที่มีถุงลมนิรภัยและเบรค ABS ควรรอให้สัญญาณไฟของระบบทั้งสองดับเสียก่อน เพื่อแสดงว่า ระบบเบรค และถุงลมพร้อมทำงานเป็นปกติเช่นกันครับ
เมื่อพร้อมแล้วบิดกุณแจสตาร์ทจนกระทั่งเครื่องยนต์ติด แต่หากบิดแช่ไว้ประมาณ 4-5 วินาทีแล้วเครื่องยนต์ยังไม่ติด อย่าฝืนแช่ไว้ ให้ปล่อยกุญแจ แล้วรอสัก 4-5 วินาทีเช่นกันแล้วลองใหม่ หากเกินสามสี่ครั้งเครื่องยนต์ยังไม่ติดก็ไปหาช่างเลยครับ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมอเตอร์สตาร์ทไหม้ หากเราบิดกุญแจแช่นานตอนสตาร์ท

4. เมื่อเครื่องยนต์ติด ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ปล่อยกุญแจ เหยียบคลัตช์ไว้สักครู่ประมาณ 4-5 วินาที แล้วยกคลัตช์ขึ้นช้าๆ เพื่อถนอมลูกปืนคลัตช์ และเพื่อแน่ใจว่าเกียร์ไม่ค้าง ไม่ควรปล่อยคลัตช์ทันทีเพราะจะเปรียบเทียบเครื่องยนต์เริ่มติด ก็เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ควรให้รอบเครื่องยนต์หมุนโดยปราศจากภาระจนรอบเครื่องยนต์เดินเรียบเสียก่อน ECU ของรถ จะสั่งการรอบเดินเบาเองโดยคำนวณจากเซ็นเซอร์ต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีสตาร์ทในตอนเครื่องเย็น

5. ไม่ควรออกรถหรือเร่งเครื่องยนต์ทันที เมื่อติดเครื่องยนต์ใหม่ๆ อย่างน้อยประมาณ 10-15 วินาที เพื่อให้แน่ใจว่า รอบเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้าต่างๆทำงานปกติ น้ำมันเครื่องยนต์ไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนเทอร์โบชาร์จ สักพักจึงค่อยเปิดแอร์ หรือวิทยุครับ

6.หากเครื่องยนต์เย็น ควรอุ่นเครื่องยนต์เสียก่อนโดยเดินเบาทิ้งไว้อย่างน้อย 5-10 นาที แต่ไม่ควรเกิน 30 นาที เพราะจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

7.เมื่อจะออกรถในขณะที่อุณหภูมิความร้อนของเครื่องยนต์ยังไม่เต็มที่ (เกจ์วัดอุณภูมิน้ำหล่อเย็นบนแผงหน้าปัทม์ยังไม่ได้ระดับกึ่งกลางระหว่างแถบ C และ H) ควรขับแบบค่อยๆเป็นค่อยไปออกรถนิ่มๆ อย่าเพิ่งลากรอบเครื่องยนต์สูงมาก ค่อยๆเพิ่มความเร็วช้าๆ จนกระทั่งอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ได้ระดับ และถึงแม้ว่าออกรถตอนที่เครื่องยนต์ร้อนอยู่ ก็อย่าเพิ่งจมคันเร่งซะมิดหรือออกรถพรวดพราดก็แล้วกันครับ ทั้งไม่ถนอมเครื่องยนต์แล้วยังอันตรายอีกด้วย....

เมื่อจะดับเครื่องยนต์

1.เมื่อจอดรถในที่ๆปลอดภัยแล้ว หรือแวะปั๊ม ซื้อของ หากเราขับทางไกลด้วยความเร็วสูงหรือใช้รอบเครื่องยนต์สูงเช่น ขึ้นเขามาเป็นเวลาพอสมควร อย่าเพิ่งรีบดับเครื่องยนต์ ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาอย่างน้อย 1-3 นาที แล้วแต่ว่าเราจะซัดมาขนาดไหน (หากมีรถที่มี Turbo Timer ที่คำนวณอุณหภูมิของเครื่องยนต์และมีโหมด Auto ก็จะสะดวกมาก) ทั้งนี้เพื่อถนอมแกนเทอร์โบชาร์จที่ยังหมุนด้วยความเร็วสูงมากอยู่ให้หมุนเฉื่อยลงจนปกติ และให้น้ำมันเครื่องไปทำการระบายความร้อนแกนเทอร์โบชาร์จ และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ด้วย ดังนั้นทั้งเครื่องยนต์ทั้งเทอร์โบก็จะมีอายุยืนยาวขึ้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น